Reviews

รีวิว New Honda CBR250RR SP อัพแรงม้า เติมควิกชิฟ สลิปเปอร์คลัทช์ แต่ราคาถูกลง

โดย

กันยายน 22, 2021

2021 New Honda CBR250RR SP อัพเกรดเครื่องยนต์เพิ่มแรงม้า ใส่สลิปเปอร์คลัทช์ เพิ่มเทคโนโลยีควิกชิพเตอร์ทั้งอัพและดาวน์ ต่างฐานการผลิตกับราคาค่าตัวที่ถูกลง

Honda CBR250RR เปิดตัวในไทยครั้งแรกเมื่อปี 2019 เป็นรถที่ผลิตและนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นทั้งคัน พร้อมเปิดให้สื่อมวลชนจัดหนักกันที่สนามช้าง ผมก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ได้ลองของ RR ไซส์เล็ก

ผลคือผมค่อนข้างประทับใจมาก ด้วยที่รถออกแบบมาเป็นสปอร์ตเรพลิก้าหรือถอดมาจากรถแข่ง มีระบบอิเล็กทรอนิกส์ให้เล่น และตรงกับรูปแบบทดสอบในสนามแข่งขัน เรียกว่าทำได้ดีมากที่สุดในคลาสเลยก็ว่าได้ รวมไปถึงวัสดุและงานประกอบด้วยนะ

ทันสมัยขึ้นแต่ราคาถูกลง

และปี 2021 นี้ฮอนด้าก็เปิดตัว New Honda CBR250RR SP ที่ตัวอัพเกรดจากโมเดลเดิม ทั้งในเครื่องยนต์ ระบบอิเล็กทรอนิกส์ และราคาที่ถูกลง? เพราะในโมเดลใหม่นี้เป็นรถที่ผลิตและนำเข้าจากประเทศอินโดนีเซียนั่นเอง

จากที่ดูงานผลิตและประกอบไม่ได้แพ้ทางญี่ปุ่นนะครับ และอินโดเขาก็ผลิตขายและใช้เป็นรถแข่งมาก่อนที่ไทยเราจะนำมาขาย ญี่ปุ่นคุมเข้ม ดังนั้นเชื่อถือได้คุณภาพของ CBR250RR จึงไม่แพ้รถที่ผลิตจากไทย

เครื่องยนต์อัพแรง

เครื่องยนต์พื้นฐานเดิมครับ เป็นแบบ 2 สูบเรียงระบายความร้อนด้วยน้ำ แต่มีการลดแรงเสียดทานภายในใหม่ เพิ่มแรงอัดจาก 11.5:1 เป็น 12.1:1 พละกำลังเพิ่มขึ้นเป็น 41 แรงม้าที่ 13,000 รอบ/นาที (เดิม 38.1 แรงม้าที่ 12,500 รอบ/นาที) แรงบิดก็เพิ่มขึ้นเป็น 25 นิวตันเมตรที่ มี Slipper Clutch แล้ว

ระบบอิเล็กทรอนิกส์เดิมจะมี Thott by wire มีโหมดขับขี่ 3 โหมดคือ Comfort Sport และ Sport+ (สปอร์ตพลัส) แต่ในปี 2021 ได้เพิ่มระบบ Quick Shifter ทั้ง Up และ Down เข้ามาอีกอย่าง ถึงจะอย่างเดียวแตเป็นสิ่งที่เติมเต็มให้กับ 250RR เลยทีเดียว

ช่วงล่างยังคงเดิม โช้คอัพหน้าแบบ Upside Down ขนาด โช้คอัพหลังเดี่ยว ดิสก์เบรกหน้าเดี่ยวขนาด ใช้คาลิปเปอร์ขนาด 2 ลูกสูบ ดิสก์เบรกหลังเดี่ยวขนาด คาลิปเปอร์สูบเดียว มีระบบ ABS ทั้งหน้าและหลัง ล้อแม็ก 10 ก้าน ยางขนาด 110 – 140 ของ IRC โมเดลเดิมที่มาจากญี่ปุ่นจะเป็น Dunlop

ลองขี่เที่ยวกันดีกว่า

จากโมเดลแรกเราได้ทดสอบกันที่สนามแข่งขันอย่างในสนามช้างกันไปแล้ว ครั้งนี้ผมจึงลองเอามาขี่เที่ยวและใช้งานจริงบ้าง ตำแหน่งท่านั่งสปอร์ตตามรูปแบบรถ แต่ไม่ถึงกับต้องก้มหรือขางออยู่ในท่านักแข่งมากนัก ยังให้ความสบายได้อยู่

รถมีความคล่องตัว แต่ด้วยเป็นรถสปอร์ตมุมแคสเตอร์มุมเทลจึงแคบชัน ผลคือเวลาเลี้ยวในมุมแคบที่ต้องหักแฮนด์จนสุดต้องระวังเสียหลักไว้บ้าง และมีวงเลี้ยวไม่แคบนัก ต้องเอนรถช่วยถึงจะเลี้ยวได้คล่องตัวขึ้น และถ้า้ใช้งานสักพักก็จะชินและกะระยะได้ดีขึ้น

การตอบสนองของเครื่องยนต์ก็ยังต้องใช้รอบสูง ถ้าในรอบต่ำกับเกียร์ที่สัมพันธ์กันรถจะไปตามรอบเครื่องเรื่อยๆ แนวขี่ง่าย แต่ถ้าเชนเกียร์รีดรอบ 6-7 พันรอบขึ้นไปรถจะพุ่งไปอย่างจี๊ดจ๊าดและให้ความสนุกในการขี่มากขึ้น

ระบบ Assist Slipper Clutch ที่เพิ่มมา ช่วยลดอาการล้อหลังล็อคเมื่อต้องเชนเกียร์ลงในรอบสูง ซึ่งก็เหมาะกับรถรอบสูงอย่างดี รวมถึง Quick Shifter ที่เพิ่มเข้ามาด้วย จะงัดเพิ่ม หรือกดลดเกียร์ ในรถขนาดเล็กแบบนี้ทำได้เนียนและไว ดีเลยล่ะ

ทั้ง Quick Shifter และ Slipper Clutch ที่เพิ่มมาทำให้รถขี่สนุกขึ้นไปหลายขั้น บวกกับพละกำลังที่อัพขึ้นมาอีกราว 2 แรงม้าเติมเต็มในแรงบิดที่มาในรอบต่ำได้เร็วกว่าเดิม และรีดพลังได้ในรอบที่สูงขึ้น ขี่ในถนนสนุกแล้ว ผมว่าขี่ในสนามแข่งจะสนุกกว่าตัวเดิมอย่างแน่นอน

ช่วงล่างทั้งระบบไม่ว่าจะเป็นโช้คและเบรกดีเหมือนกับโมเดลที่นำเข้ามาจากญี่ปุ่น หนึบใช้บนถนนได้อย่างมั่นใจ แต่ยางที่ให้มาในรุ่นนี้จะเป็น IRC เท่าที่ผมได้ใช้งานสั้นๆ ยังไม่เจอปัญหา แต่ขัดใจกับลายดอกยางมาก มันช่างไม่เข้ากับดีไซน์ของรถเลย เปลี่ยนเหอะแแนะนำ