Kawasaki ZX-12R Ninja อีกหนึ่งตำนานที่ยังมีลมหายใจ

ถ้าให้พูดถึงรถมอเตอร์ไซด์ที่มีทั้งความเร็ว แรง ดุดัน และแฝงไปด้วยพลังงานอย่างเต็มเปี่ยม จนได้ฉายาว่า "Monster Machine" ตั้งแต่ยุคเปลี่ยนถ่ายจากเครื่องยนต์แบบคาร์บูเรเตอร์ มาเป็นเครื่องยนต์หัวฉีดอย่างในปัจจุบัน ไม่มีใครไม่รู้จักเจ้า Kawasaki ZX-12R Ninja ตัวนี้อย่างแน่นอน ซึ่งสายการผลิตของเจ้ายักษ์ใหญ่ตัวนี้ เริ่มตั้งแต่ปี 2000 จนถึง ปี 2006 เลยทีเดียว

0

ฉายาว่า “Monster Machine” ตั้งแต่ยุคเปลี่ยนถ่ายจากเครื่องยนต์แบบคาร์บูเรเตอร์ มาเป็นเครื่องยนต์หัวฉีดอย่างในปัจจุบัน ไม่มีใครไม่รู้จักเจ้า Kawasaki ZX-12R Ninja ตัวนี้อย่างแน่นอน

โฉมหน้าของ Kawasaki ZX-12R ปี 2000 ซึ่งถือเป็น Gen 1 สำหรับ Series Ninja ZX-12R

กว่าจะมาเป็นเจ้า Kawasaki ZX-12R ตัวนี้ Kawasaki ก็เป็นที่รู้จักกันอยู่แล้วในบ้านเรา ด้วย รุ่น GPZ900 ตั้งแต่ปี 1984-1992 และมีการพัฒนามาเป็น ZX-10 ตั้งแต่ปี 1988-1990 ซึ่ง เจ้า ZX-10 รุ่นนี้เป็นรถแนว Sport Touring ต่างจากรุ่น ZX-10R หรือ ZX-10RR ในปัจจุบันที่เป็นรถ Super Sport

Kawasaki ZX-10 ปี 1988

จากความสำเร็จของทั้ง GPZ900 และ ZX-10 ในยุค 90 ทาง Kawasaki จึงมีการพัฒนา โดยรวมจุดเด่นของทั้ง 2 รุ่นเข้าด้วยกันมาเป็นรุ่น ZZ-R1100 ซึ่งถือเป็นรถมอเตอร์ไซด์รุ่นแรกของโลกในยุค 90 ที่ทำความเร็วได้เกิน 300 กม./ชม. และมีการบันทึกลงใน Guinness World Records โดยมีสายการผลิตตั้งแต่ ปี 1990-2001

Kawasaki ZZ-R1100 ปี 1991 แรมเดี่ยว

จากความสำเร็จของ ZZ-R1100 ทั้งแรมเดี่ยว แรมคู่ ในช่วงปี 1998 คู่แข่งอย่าง Honda ก็พัฒนาเจ้านกดำ CBR1100XX เข้ามาแข่งขัน โดยชูความเป็นรถที่มี Arrow Dynamics ที่ดีที่สุดเป็นจุดแข็ง แต่ก็ยังเป็นเครื่องยนต์แบบคาร์บูเรเตอร์อยู่ ซึ่งไม่นานทาง Suzuki ก้อส่งเจ้านกเหยี่่ยว Hayabusa GSXR1300 เข้าประชันทั้งในเรื่องของ Arrow Dynamics และความแรงของเครื่องยนต์ขนาด 1300cc. และเป็นระบบหัวฉีด ทำให้ทาง Kawasaki ต้องรีบพัฒนาเครื่องยนต์เป็นการด่วน

เครื่องยนต์ 4 จังหวะ ขนาด 1,199 cc. ของ Kawasaki ZX-12R

หลังจากโดนทั้ง Honda และ Suzuki แซงหน้าไป Kawasaki จึงมีการพัฒนาเครื่องยนต์แบบหัวฉีดขึ้นมา โดยเอาพื้นฐานเครื่องยนต์ใน ZX-9R ซึ่งถือเป็นรถ Sport ที่โดดเด่นในปี 1994-2004 มาเป็นต้นแบบ เพราะรถมีน้ำหนักที่เบากว่า ZZ-R1100 & ZZ-R1200 มาก แต่ก็ยังพัฒนามาให้อยู่ในรูปแบบของรถ Sport Touring เพื่อสู้กับค่ายคู่แข่ง จนออกมาเป็น Kawasaki ZX-12R Ninja ในปี 2000

Kawasaki ZX-12R ปี 2001

หลังจากเปิดตัว Kawasaki ZX-12R ตัวแรกในปี 2000 ถือว่าสร้างความหือหาได้มากพอสมควร ด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ 4 จังหวะ ขนาด 1199cc. In-Line Four ให้กำลังแรงม้าถึง 185 hp. ทำความเร็วได้กว่า 320 กม./ชม. พร้อมด้วยยาง หน้า 120/70-17 หลัง 200/50-17 ซึ่งทำให้มิติของรถดูใหญ่มาก ทั้งที่สร้างบนพื้นฐานจาก ZX-9R จากนั้นในปี 2001 ได้มีการเพิ่มสี และลาย Graphic ในบางสีที่จำหน่าย (ลายสายฟ้า) แต่เรือนไมล์ถูกปรับลงจาก 340 เป็น 280+ อย่างที่เห็นในหลาย ๆ รุ่นปัจจุบัน ด้วยเหตุผลทางกฏหมายของญี่ปุ่น

Kawasaki ZX-12R ปี 2002

ต่อมาในปี 2002 Kawasaki ZX-12R ได้มีการปรับโฉมให้ดูโฉมเฉี่ยวมากยิ่งขึ้น ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นของ Gen 2 แต่ใช้พื้นฐานของตัวรถเดิม ช่วงล่างเดิม แต่มีการลดทอนความแรงลงเหลือ 178 hp. เพื่อให้ผู้ขับขี่ควบคุมรถได้ง่ายขึ้น

Kawasaki ZX-12R ปี 2003

Kawasaki ZX-12R ในปี 2003 ได้มีการปรับเปลี่ยนโดยเอาระบบ Double Overhead Cams/Twin Cam (DOHC) มาใช้ในการควบคุมการจ่ายน้ำมันให้ดีขึ้น โดยมีการเปลี่ยนสวิงอาร์มล้อหลังเป็นสีดำ เพื่อเพิ่มความสวยงามให้กับตัวรถ

Kawasaki ZX-12R ปี 2004-2006 ตัวสุดท้าย

ในช่วงปี 2004-2006 เรียกได้ว่าเป็นการพัฒนา และเปลี่ยนแปลงครั้งสุดท้ายของ Model Kawasaki ZX-12R โดยมีการปรับเอาแฟรมแบบ Aluminum Monocoque มาใช้ เพื่อลดน้ำหนักของตัวรถลงจาก 215 กก. ใน Gen 1 เหลือ 210 กก. ใน Gen 2 ตั้งแต่ปี 2004 มีการเปลี่ยนระบบเบรคจาก Tokico 6 พอต เป็นแบบเรเดียลเม้าท์ 4 พอต ของ Tokico เช่นกัน ซึ่งตัวสุดท้ายของสายการผลิตเป็นปี 2006 หลังจากนั้นจะเริ่มเป็น ZX-14R, ZZR1400

ในช่วง 7 ปีของสายการผลิต เจ้า Kawasaki ZX-12R สร้างชื่อในฐานะเครื่องยนต์ปีศาจ ที่สร้างความน่าเกรงข้ามให้กับคู่แข่ง เนื่องจากพละกำลังของเครื่องยนต์ที่รุนแรง ถึงขนาดสาวกที่หลงไหลเอามันไปต่อยอดความแรงด้วยการใส่ไนตรัส ยืดสวิงอาร์ม เพื่อการแข่งขัน ซึ่งในเมืองไทยเองก็ยังมีเหล่าสาวกที่หลงไหลมันอยู่ ทั้งรูปโฉมที่ยังดูล้ำสมัย มีคาแรคเตอร์ที่ชัดเจนไม่เหมือนใคร จนกลายเป็นรถที่หาดูยากในปัจจุบัน และนี่แหละคือความเป็นตำนานที่ยังมีลมหายใจของเจ้า Kawasaki ZX-12R Ninja ผู้น่าเกรงขามในอดีต

Kawaski ZX-25R รถ 4 สูบ 250 ซีซี ล่าสุดจากคาวาซากิ คลิก
คลิปทดสอบรีวิว คลิก

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่