BMW C400X พรีเมี่ยมสกู๊ตเตอร์ ที่มีดีไซน์โดดเด่น และยังมีเทคโนโลยีทันสมัย กับการใช้งานเดินทางไกล หวดคันเร่งไปกับกลุ่มบิ๊กไบค์ไซค์พันอัพ กทม. – น้ำหนาว – รูท 12 – เขาค้อ ถึงใจแค่ไหน มีดีมีเสียอะไร มีคำตอบ
ถือเป็นช่วงที่รถสกู๊ตเตอร์ขนาดกลาง คือประมาณ 300 ซีซี ได้รับความนิยมอย่างมาก นำมาคงหนีไม่พ้น X-Max 300 ที่มีดีไซน์ดุดันและความเร็วแรงของเครื่องยนต์เป็นจุดขาย ตามมาด้วย Forza 300 ที่เน้นความหรูหราพรีเมี่ยมพร้อมเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย และเมื่อ BMW C400X ผู้มาทีหลังและอยู่ในคลาสนี้ ต้องมีดีที่จะเข้ามาชิงส่วนแบ่งตลาด หรือแบ่งเค้กจากค่ายญี่ปุ่นได้สิ
C400X Engine
เครื่องยนต์เป็นแบบ 4 จังหวะ สูบเดียว OHC 4 วาล์ว ใช้กระเดื่องกดวาล์วที่เรียกว่า Rocket Arm ระบายความร้อนด้วยน้ำ กระบอกสูบ x ช่วงชัก 80 มม. x 69.9 มม. ปริมาตรกระบอกสูบอยู่ที่ 350 ซีซี ไม่ใช่ขนาด 400 ตามชื่อรุ่นนะครับ ให้กำลังสูงสุดที่ 34 แรงม้าที่ 7,500 รอบ/นาที ให้แรงบิดสูงสุดที่ 35 นิวตันเมตรที่ 6,000 รอบ/นาที อัตรากำลังอัด 11.5:1 จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีด BMS-E2 ผ่านมาตรฐานไอเสีย EURO 4 ระบบส่งกำลัง Centrifugal dry clutch ระบบเกียร์ Sleepless CVT gearbox ขับเคลื่อนขั้นสุดท้ายด้วยสายพาน
Suspension & Brake
ระบบกันสะเทือน โช้คหน้าแบบเทเลสโคปิค ขนาด 35 มม. มีระยะยุบ 110 มม. กันสะเทือนหลังเป็นโช้คอัพคู่มีระยะยุบ 112 มม. ทำงานร่วมกับ Aluminum Swingarm และปรับพรีโหลดได้ ฐานล้อยาว 1,565 มม. วงล้อหน้าขนาด 3.50 x 15 นิ้ว ยางขนาด 120/70R15 วงล้อหลังขนาด 4.25 x 14 นิ้ว ยางขนาด 150/70R14 ระบบเบรกหน้าเป็นดิสก์คู่ขนาด 265 มม. หนีบด้วยคาลิปเปอร์แบบเรเดียลเม้าท์ขนาด 4 ลูกสูบของ BYBRE ดิสก์เบรกหลังขนาด 265 มม. คาลิปเปอร์ลูกสูบเดี่ยว และมีระบบ BMW Motorrad ABS ติดมาเป็นมาตรฐาน
มี 2 รุ่นหลักๆ คือ รุ่นที่ใช้กุญแจแบบ Keyless และรุ่นที่ใช้กุญแจธรรมดา ความต่างคือรุ่นที่เป็น Keyless ที่สตาร์ทเครื่องยนต์โดยไม่ต้องใช้กุญแจเสียบสวิทซ์กุญแจเพื่อการสตาร์ทเครื่องยนต์แล้ว ยังสามารถกดเพื่อเปิดเบาะ เปิดช่องเติมน้ำมันเชื้อเพลิง ได้อีกด้วย
TFT Highlight of The C400X แต่ที่เด่นจริงๆ มีมากกว่านี้ ต้องอ่านต่อ
ไฮไลท์ที่ผมว่าเด่นมากๆ เลยคือเรือนไมล์ Multifunction แบบ TFT ขนาด 6.5 นิ้ว สามารถบอกรายละเอียดของตัวรถและการใช้งานต่างๆ ครบครัน ด้วยกราฟฟิกที่ทันสมัยสุดๆ กดสั่งงานหรือเรียกดูข้อมูลต่างๆ บนเรือนไมล์ได้ด้วยสวิทซ์แฮนด์ด้านซ้าย และสะดวกสุดๆ ด้วย “Joystick” หรือ Multi-Controller ทรงกลมที่แฮนด้านซ้าย ใช้สั่งงานเรือนไมล์ได้เช่นกัน ซึ่งจอยสติ๊กที่ว่านี่ก็มีติดมาในรถมอเตอร์ไซค์ BMW รุ่นใหญ่ขนาดใหญ่เกือบทุกรุ่น
หน้าจอของ C400X สามารถเชื่อต่อกับสมาร์ทโฟนได้ สั่งการทำงานผ่าน Application ที่ชื่อว่า BMW Motorrad Connected (โหลดฟรี) มีบอกภูมิอากาศ บันทึกข้อมูลการใช้งานของรถและผู้ขับขี่ บอกระยะที่จะเข้าศูนย์บริการ บอกน้ำมันเชื้อเพลิงที่เหลือเป็น % และระยะทางที่ยังวิ่งได้ มี GPS บอกเส้นทางและนำทางได้ บันทึกเส้นทางต่างๆ สามารถใช้บอกเพลง เลือกเล่นเพลง ใช้รับและวางสายโทรศัพท์ได้ซะด้วย และอื่นๆ อีกเพียบเลยล่ะ แต่การสั่งงานด้วยเสียงหรือฟังเพลงต้องเชื่อมต่อกับบลูทูธที่ติดกับหมวกกันน็อคอีกทีนึงด้วยนะ
ระบบ Electronic
ระบบอิเล็กทรอนิกส์หรือระบบช่วยขับขี่ที่ให้มานั้น นอกจากระบบ BMW Motorrad ABS ก็มีระบบ ASC (Automatic Stability Control) หรือที่ทาง BMW เรียกว่า “ระบบควบคุมเสถียรภาพโดยอัตโนมัติ” ซึ่งไม่มีอะไรซับซ้อนครับ ระบบจะทำงานเองโดยอัตโนมัติแบบฉับไวเพียงเศษเสี้ยววิฯ เมื่อตัวรถเสียการควบคุม หรือล้อหลังลื่น หรือฟรีทิ้ง หรือเสียการควบคุม โดยการลดการหมุนของล้อหลังให้รถกลับมาอยู่ในการควบคุมอีกครั้ง รวมไปถึงการช่วยให้ขับขี่บนทางที่มีอุปสรรคอื่นๆ เช่นหลุม บ่อ หรือ มีกรวดทรายได้ดียิ่งขึ้น ส่วนอื่นๆ ในตัวรถใช้งานง่ายเหมือนรถสกู๊ตเตอร์ทั่วไป
สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ
ช่องเก็บของบริเวณคอนโซนด้านหน้ามี 2 ช่องซ้ายขวา ภายในช่องด้านขวาจะมีช่องต่อแบบที่จุดบุหรี่ในรถยนต์แต่เป็นหัวขนาดเล็ก สำหรับชาร์จหรือเชื่อมต่ออุปกรณ์ภายนอกต่างๆ อาทิ สมาร์ทโฟน GPS หรือ Gadget อื่นๆ
พื้นที่ใต้เบาะนั่งและ Flexcase
การเปิดเบาะนั่งจะมีโช้คอัพช่วยค้ำเบาะอย่างนุ่มนวล ใต้เบาะนั่งจะมีไฟส่องสว่าง พื้นที่ใต้เบาะกว้างพอสมควรแต่ไม่ถึงกับกว้างมากนัก มีการออกแบบช่อง Flexcase เพื่อให้เก็บหมวกกันน็อคแบบเต็มใบหรือ Full Face การทำงานของ Flaxcase คือยืดขยายพื้นที่ลงมาบริเวณล้อหลัง ทำให้มีพื้นที่ใต้เบาะเพิ่มมากขึ้น แต่การจะใช้ Flexcase ต้องใช้ในขณะจอดรถแล้วเท่านั้น ถ้ายังไม่เก็บหรือใช้งาน Flexcese จะไม่สามารถสตาร์ทรถได้
BMW Motorrad Barcelona วิภาวดี
ผมรับ BMW C400X มาทดสอบในสภาพใหม่กริ๊ป จาก BMW Barcelona วิภาวดี ก็ต้องขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ ใครสนใจรถมอเตอร์ไซค์ BMW ก็มาที่นี่ได้เลย ดูแลอย่างดีครับ และหลังจากรับรถมาผมก็ขี่กลับไปยังที่พักแถวลาดพร้าวที่มีแนวก่อสร้างรถไฟฟ้าและมีการจราจรอันติดขัด
ฝ่ารถติดๆ ล่ะ เป็นยังไง
ความคล่องตัวทำได้ดีพอสมควร ขนาดความกว้าง-ยาวรอบๆ คันน่าจะเล็กกว่ารถสกู๊ตเตอร์ขนาด 300 จากญี่ปุ่นทั้ง 2 ค่าย แต่ไม่ได้คล่องแบบรถออโต้เล็กๆ นะ แต่ก็ทำได้ดี เบาะนั่งที่กว้างใหญ่นั่งสบายเล่นระดับกับพื้นที่คนซ้อน และเป็นที่พิงสะโพกผู้ขับขี่ได้ด้วย แต่เบาะไม่ต่ำมากนัก รวมถึงน้ำหนักตัว 204 กิโลกรัม(รวมของเหลวรวมน้ำมันเต็มถัง)
อาจเป็นปัญหากับคนที่มีช่วงขาที่สั้นอยู่นิดหน่อย (แต่เห็นว่ามีเบาะแบบเตี้ยหรือ Low Seat ขายด้วยนะ) ตำแหน่งและความกว้างของแฮนด์ทำให้ท่าขี่เป็นไปแบบสบายๆ ผ่อนคลาย ไม่สูงหรือต่ำไปด้วย ชิลด์บังลมขนาดกะทัดรัดให้ลมผ่านมาโดนตัวผู้ขี่เพื่อระบายความร้อนได้ดี โดยรวมฟีลลิ่งการใช้งานทั่วๆ ไปดีเลยล่ะ (ก็จุดประสงค์หลักเขาออกแบบมาให้ใช้งานในเมืองได้ทุกๆ วัน)
กทม. – น้ำหนาว – รูท 12 – เขาค้อ สุดคันเร่ง สุดหน้ายาง
โดยการทดสอบของผมเน้นไปที่การเดินทางไกล เพราะด้วย BMW ออกแบบ C400X มาเพื่อใช้งานในเมืองได้คล่องตัวในทุกๆ วันอยู่แล้ว หมายถึงตลาดทั่วโลกนะ แต่ด้วยการใช้รถมอเตอร์ไซค์ของคนไทยที่มักใช้รถคันเดียวในหลายๆ กิจกรรม และรถขนาด 300 – 400 ซีซี ก็ยังเป็นขนาดที่เหมาะกับการใช้เดินทางไกล(ของคนไทย)ไม่น้อย ผมก็เลยพา C400X ออกทริปกับกลุ่มZX14 Thailand รถระดับ Open Class ที่มีดีกรีว่าเป็นรถที่เร็วที่สุดในโลกอีกรุ่นหนึ่ง ก็ลองเค้นให้รู้กันไปเลยว่าจะเดินทางไปกับเขาได้ไหม
การเดินทางของผมกับ C400X เริ่มตั้งแต่เวลาตี 5.30 เพื่อไปรวมกลุ่มที่ ปตท.วังน้อย ไฟหน้า LED ให้ความสว่างในความมืดและบนเส้นทางได้ดีเลยล่ะ สวยด้วย ด้วยที่ถนนยังโล่งทำให้ผมมีโอกาสได้ลองอัตราเร่งอยู่บ้าง ก็พบว่าอัตราเร่งตอนต้นไปถึงกลางดีมากเลยล่ะสำหรับรถในพิกัดนี้ “กดแล้วพุ่ง” เรียกว่าเป็นจุดเด่นเลยล่ะ ผมว่าดีกว่าคู่แข่งจากญี่ปุ่นด้วยนะ(แต่อย่าลืมว่าBMW ขนาดเครื่องใหญ่กว่านิดนึง แรงม้าแรงบิดก็สูงกว่า) ในขณะเดียวกันก็ให้ความนุ่มนวลสูง คือดึงแรง ดึงเร็ว แต่อาการหงายเงิบน้อยอ่ะนะ
เริ่มเดินทางไกล ผมใช้วิธีรีบออกตัวไปก่อน แล้วกดคันเร่งที่ความเร็วสูงสุดที่ป้วนเปี้ยนแถวๆ 140-150 กม./ชม. แช่ยาวๆ เป็นสิบๆกิโลเมตรหลายช่วงติดต่อกันตลอดทาง เพราะในกลุ่มที่ผมเดินทางมาด้วยใช้ความเร็วยืนพื้นที่สูงกว่า ไม่นานกลุ่มหน้าก็แซงผมไปบางส่วน แต่กับการที่ชู้ตตัวออกมาได้เร็วและบิดยืนพื้นด้วยรอบเครื่องสูงสุด
ทำให้ผมสามารถเกาะอยู่ในกลุ่มกลางได้โดยไม่ห่างนัก เรียกได้ว่ากลุ่มหน้าจอดปั้มยังไม่ทันถอดหมวดถอดเสื้อดีผมก็ถึงอ่ะ แต่ทั้งนี้ผมต้องหมอบขี่เพื่อช่วยลดภาระของแรงต้านของลมที่มาปะทะ รวมถึงชิลด์บังลมหน้าที่มีขนาดไม่สูงนักจึงไม่พอที่จะบังลมที่เข้าปะทะได้ทั้งหมด พลังของเครื่องยนต์ลูกนี้ถือว่าแรง อึด และเหนียวใช้ได้เลยครับ บิดรอบสูงสุดลากยาวตามขบวนรถที่ใหญ่กว่ามากๆ ก็ไม่มีอาการแรงตก ความร้อนขึ้น หรือมีเสียงดังผิดปกติใดๆ จากเครื่องยนต์ทั้งสิ้น
สุดพลังที่ 160 กม./ชม. แบบมีเนินช่วย
ผมทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 155-157 กม./ชม. บนทางราบ ลากยาวหลายกิโลเมตรกว่าจะไหลไปถึง และทำได้สูงสุดที่ 160 กม./ชม. บนทางตรงลงเนินเส้นรูท 12 กับน้ำหนักตัวผมที่ 85 กิโลกรัมไม่รวมชุดขับขี่ ถือว่าดีเลยทีเดียว(แม้จะมีเนินช่วยอ่ะนะ) แต่สำหรับผมที่ดีกว่าไม่ใช่ความเร็วสูงสุด แต่เป็นอัตราเร่งต้น-กลาง ที่น่าประทับใจมากกว่า มีประโยชน์ในการออกตัวหรือเร่งแซงอย่างมาก
เฉลยไฮไลท์ที่น่าประทับใจ
หนีไม่พ้นที่ต้องยกให้ระบบช่วงล่าง ทั้งระบบกันสะเทือนและระบบเบรก ในเงื่อนไขการทดสอบที่ผมขี่คนเดียวไม่มีคนซ้อน ออกแบบมารองรับการหวดได้ดี โช้คอัพเอาไปสาดโค้งแรงๆ ในเส้นรูท 12 ไปยันอุทยาแห่งชาติน้ำหนาวได้สบายๆ เกาะหนึบ เรียกว่ารถใหญ่ๆ ตามยากละกัน จะมีอาการย้วยบ้างเล็กๆ (เพราะการออกแบบให้มีฟีลลิ่งที่หนึบนุ่มนวลเมื่อใช้งานปกตินั่นแหล่ะ) แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา
ระบบเบรกที่ต้องชมยิ่งกว่า แม่ปั้มบนให้ฟีลลิ่งบีบก้านเบรกนิ่มเบาแรงและเหมือนจะ “ลึก” การทำงานของคาลิปเปอร์ก็ทำงานตามแรงบีบของนิ้วมือที่กระทำ นุ่มนวลแต่หนึบแน่นและสั่งได้ทั้งหน้าและหลัง ผมหวดดูดตูดรถใหญ่เล่นโค้งที่รูท 12 แบบล้อต่อล้อเพื่อถ่ายฟุตเทจวีดีโอ และเมื่อคันหน้าช้ากว่าในบางจังหวะ ผมต้องรีบกำเบรกในโค้งก่อนที่ล้อหน้าจะไปชนล้อหลัง รถมีอาการแกว่งเล็กน้อยแต่ก็เอาอยู่ อีกทั้งระบบ BMW Motorrad ABS ก็ให้ฟีลลิ่งที่แจ่มจนไม่ต้องบรรยายเลยล่ะครับ
Conclusion
เป็นพรีเมี่ยมสกู๊ตเตอร์ขนาดกลางที่น่าประทับใจในสมรรถนะและเทคโนโลยี ออกแบบมาให้ใช้งานในชีวิตประจำวันทุกๆ วัน คล่องตัว เทคโนโลยีบนหน้าจอ TFT ที่เชื่อมต่อกับ Application และบลูทูธ ทันสมัยตอบโจทย์ชีวิตยุคดิจิตอล เครื่องยนต์ให้กำลังที่น่าประทับใจ ออกตัวดีมากให้กำลังต่อเนื่องไปจนรอบปลาย ลากรอบและความเร็วสูงสุดยาวๆ หลายสิบกิโลเมตรหลายช่วง เหนียว อึด ไม่มีปัญหา ช่วงล่างเด่นสุดๆ แบบโค้งสบาย องศาใต้ท้องรถยากที่จะโดนพื้น ระบบเบรก นุ่มนวลแต่แน่นหนึบ แถมยังมีระบบ BMW Motorrad ABS แบบเดียวกับรุ่นใหญ่ๆ ติดมาเป็นมาตรฐาน
BMW C400X มีจำหน่าย 3 สีคือ สี Zenith Blue Metallic สี Alpine White และสี Blackstorm metallic ที่ผมนำมาทดสอบนี้ โดยมีราคาขายที่ 349,000 บาท
ก็ถือว่าเหมาะกับการใช้งานของคนไทยพอสมควร คือมีรถคันเดียวใช้ทั้งในชีวิตประวันและท่องเที่ยว ใช้ขี่ไปทำงาน ขี่ไปห้าง จนไปถึงการขี่ออกทริปท่องเที่ยวก็ไม่ใช่ปัญหา แต่ถ้ามีงานที่ต้องใช้มอเตอร์ไซค์ทั้งวันทุกวันในเมือง(อย่างใน กทม.) แนะนำหารถออโต้ขนาดเล็กๆ ราคาครึ่งแสนไว้ใช้อีกคันจะประหยัด คล่องตัว จอดง่าย และเหมาะสมกว่า
ข้อสังเกต
- ด้วยที่เป็นสกู๊ตเตอร์ขนาดกลางแต่พื้นที่พักเท้าค่อนข้างเล็กไปนิด เปลี่ยนอิริยาบถหรือยืดขาได้ไม่เยอะ ถึง BMW จะบอกว่าออกแบบมาให้รุ่นนี้วางขาในแนวดิ่งก็ตาม
- พื้นที่ใต้เบาะนั่งก็เช่นกัน กะทัดรัดไปนิด มี Flexcase แต่ก็ใช้งานได้เฉพาะตอนจอดรถ
- ช่องต่อหรือชาร์จอุปกรณ์ภายนนอก ที่อยู่ในช่องคอนโซนด้านขวา น่าจะให้เป็นหัวแบบ USB มาด้วยเลย
ขอบคุณ : BMW Motorrad Barcelona วิภาวดี เอื้อเฟื้อรถทดสอบ
ขอบคุณ : ภาพจาก OTOBIKETV และ MR2 nChanel
ทดสอบ BMW F850GS และ F750GS คลิกตรงนี้
คลิปท่องเที่ยว รีวิวทดสอบรถรุ่นใหม่ คลิกตรงนี่
